เรียนรู้อนุพันธ์เบื้องต้น |
---|
ตราสารอนุพันธ์ คืออะไร
ตราสารอนุพันธ์ (Derivatives) หมายถึง สินทรัพย์ทางการเงินชนิดหนึ่งที่มูลค่าของตัวเองขึ้นอยู่กับสิ่งอื่นที่ เรียกว่า สินทรัพย์อ้างอิง (Underlying Asset) ตราสารอนุพันธ์มีหลายรูปแบบเช่น ในรูปแบบที่เป็นสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ซึ่งจะเป็นการทำสัญญากันระหว่างบุคคล 2 ฝ่ายที่ทำการตกลงกัน ณ วันนี้ เพื่อซื้อสินค้าชนิดใดชนิดหนึ่ง โดยมีการระบุประเภท จำนวน และเวลาส่งมอบสินค้ากัน ที่สำคัญคือตกลงราคากันไว้ ณ วันนี้ เพื่อนำมาใช้เป็นราคาที่ทำการซื้อขายเมื่อถึงเวลาที่ตกลงจะส่งมอบสินค้ากัน ในอนาคต โดยตราสารอนุพันธ์นั้นมีหลายประเภท แต่ที่มักซื้อขายในตลาดอนุพันธ์ได้แก่ Futures และ Options
ซึ่งการซื้อขายในตลาดอนุพันธ์จะเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนสามารถ "ขายก่อนซื้อ" หรือ "ซื้อก่อนขาย" ก็ได้ จึงทำให้เกิดโอกาสทำกำไรในสองขา โดยมีจุดเด่นที่ใช้เงินลงทุนน้อย ผู้ลงทุนมีโอกาสได้ผลตอบแทนสูง
สัญญาฟิวเจอร์ส (Futures)
สัญญาฟิวเจอร์ส คือสัญญาที่ตกลงจะซื้อจะขายสินค้าใดๆ ซึ่งทำขึ้นระหว่างคู่สัญญา 2 ฝ่าย ที่ตกลงกันในวันนี้เพื่อทำการจะซื้อจะขาย หรือแลกเปลี่ยนสินค้าอย่างหนึ่งในอนาคต โดยกำหนดชำระเงินตามราคาที่ตกลงกันไว้และวันส่งมอบในอนาคตอย่างชัดเจน
สัญญาออปชั่น (Options)
เป็นสัญญาระหว่างบุคคล 2 ฝ่าย คือ ผู้ซื้อ (หรือผู้ถือ) และผู้ขาย (หรือผู้ออก) โดยผู้ขายให้สิทธิกับผู้ซื้อที่จะทำการซื้อ (หรือขาย) สินค้าตามจำนวน ราคา และภายในระยะเวลาที่ระบุไว้ในสัญญา โดยผู้ซื้อสามารถเลือกที่จะใช้สิทธิหรือไม่ก็ได้ ทั้งนี้ผู้ซื้อจะต้องจ่ายเงินค่าออปชั่น ที่เรียกว่า ค่าพรีเมี่ยม (Premium) ให้กับผู้ขายเป็นการตอบแทน เพื่อแลกกับการได้สิทธิตามสัญญานั้น ทั้งนี้ผู้ขายออปชั่น มีภาระต้องปฎิบัติตามสัญญาคือ ขายสินค้าให้ (หรือซื้อสินค้าจาก) ผู้ถือออปชั่นเมื่อผู้ถือ ออปชั่น ใช้สิทธิ
รหัสเดือนของสัญญาอนุพันธ์
ชื่อเดือนภาษาไทย |
ชื่อเดือนภาษาอังกฤษ |
รหัสเดือน |
---|---|---|
มกราคม |
January |
F |
กุมภาพันธ์ |
February |
G |
มีนาคม |
March |
H |
เมษายน |
April |
J |
พฤษภาคม |
May |
K |
มิถุนายน |
June |
M |
กรกฎาคม |
July |
N |
สิงหาคม |
August |
Q |
กันยายน |
September |
U |
ตุลาคม |
October |
V |
พฤศจิกายน |
November |
X |
ธันวาคม |
December |
Z |
การอ่านชื่อย่อของสัญญาอนุพันธ์
สินค้าอ้างอิง |
ชื่อย่อ |
รหัสเดือน |
---|---|---|
SET50 Index Futures |
S50 |
S50Z11 |
SET50 Index Options |
S50C : Call Options, |
S50Z11C, |
50 Baht Gold Futures |
GF |
GFZ11 |
10 Baht Gold Futures |
GF10 |
GF10Z11 |
Single Stock Futures |
ชื่อย่อหลักทรัพย์ |
KTBZ11 |
Gold-D |
GD |
GDV17 |
ตัวอย่างเช่น : S50Z11 คือฟิวเจอร์สที่อ้างอิงกับดัชนี SET50 Index หมดอายุสัญญาเดือนธันวาคม 2011
การปรับมูลค่าตามราคาตลาด (Mark to market)
Mark to market คือ การคำนวณกำไร / ขาดทุนทุกๆสิ้นวันทำการ หากผู้ลงทุนได้กำไร “เงินประกัน (Margin)” จะเพิ่มขึ้น หากขาดทุนเงินประกันจะลดลง ตามจำนวนกำไร/ขาดทุนที่เกิดขึ้น โดยตลาดอนุพันธ์ฯ จะประกาศ Settlement Price หรือราคาที่ใช้ชำระราคาเพื่อใช้คำนวณกำไรขาดทุนทุกสิ้นวันหลังตลาดฯปิด
ราคาที่ใช้ชำระราคา (Settlement Price) จะแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ ดังนี้
1. Daily Settlement Price คือ ราคาที่ใช้ชำระราคาทุกสิ้นวัน โดยคำนวณมาจากราคาถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก 5 นาทีสุดท้ายของราคา Futures แต่ละสัญญา
2. Final Settlement Price คือ ราคาที่ใช้ชำระราคาในวันซื้อขายวันสุดท้าย (Last Trading Day) โดยคำนวณมาจากราคาสินค้าอ้างอิง (Underlying Asset) ซึ่งแต่ละสินค้ามีการคำนวนที่แตกต่างกัน (รายละเอียดการคำนวณดูได้ที่ลักษณะสัญญาของแต่ละสินค้าอ้างอิง)
การถือสัญญา จนสัญญาหมดอายุ
ในกรณีที่ลูกค้าซื้อ หรือ ขายฟิวเจอร์ส และถือไว้จนสัญญาครบกำหนดอายุ สถานะการซื้อขายจะถูกปิดลงโดยอัตโนมัติ และคิดกำไร/ขาดทุนโดยใช้ “ราคาที่ใช้ชำระราคาวันสุดท้าย” หรือ “Final Settlement Price” มาชำระราคา เช่น ถ้าเป็น SET50 Index Futures จะคำนวณจากค่าดัชนี SET50 ในช่วง 15 นาทีสุดท้าย และบวกค่าดัชนีราคาปิดของวันนั้น โดยตัดค่าที่มากที่สุด 3 ค่า และค่าที่น้อยที่สุด 3 ค่าออก และใช้ค่าทศนิยม 2 ตำแหน่ง
*สินค้าอ้างอิงอื่นๆสามารถดูวิธีการคำนวณจากลักษณะสัญญาของแต่สินค้าอ้างอิงได้
การหยุดการซื้อขายเป็นการชั่วคราว (Circuit Breaker) : คลิกที่นี่